Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
This thread is locked
สนทนาประสาการเมือง ��าค VII

Reply
Vote
# Sun 21 Jan 2018 : 10:50PM

toranin
member

Since 19/8/2008
(10420 post)
งานแรกในชีวิตของผมคือล้างชามก๋วยเตี๋ยว ตอนอยู่ชั้น ป.3 ได้ค่าจ้างวันละ 5 บาท +กินก๋วยเตี๋ยวกับของหวานฟรี

ทุกวันนี้ เพื่อนๆคนอื่น รวยกันทั้งนั้น ผมคงไม่คิดไปแข่ง เพราะโรงเรียนไฮโว แค่นามสกุลมัน ก็รู้แล้วว่ารวยมาก

ส่วนบ้านผมก็ฐานะกลางๆ ไม่จนนะ พ่อเป็นข้าราชการสธ. แม่ทำงานบริษัท เป็นลูกน้องพวกนักการเมืองดังๆ บางคนที่ผมด่าๆมันนี่ผมรู้จักและก็ยกมือไหว้พวกมันมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก 5555

ตอนป.4 หรือ ป.5 นี่แหละ ผมค้นพบวิธีหาเงิน คือเก็บเศษขยะ ของเก่าไปขาย แต่ก็เอาตังค์ไปเล่นเกมส์ ไปเล่นสล็อตแมชชีนอ่ะนะ

ช่วงปิดเทอม ก็ทำมาหลายงานประสาเด็กๆ เด็กปั๊ม เล่นตนตรี

ตอนเรียนปี 2 ดร็อปเรียน ไปสมัครงาน บ.เสื้อผ้ายี่ห้อดัง ไปอยู่กทม. สมัยนั้นนะ 8,500 +เบี้ยเลี้ยงวันละ 80 บาท +ค่าคอม 1% +ที่พักฟรีซึ่งเป็นเกสเฮาส์+สตูถ่ายแบบหนังสือโป๊ยี่ห้อดังสมัยนั้นก็ยุคฟองสบู่อ่ะนะ เงินมันสะพัดจริงๆ ได้ไปทั่วประเทศ ไม่ค่อยได้อยู่กทม.หรอก เป็นเซลล์มันก็ไปตจว.ตลอด ไปแทบทุกห้าง ขายเอง จัดร้านเอง เก็บร้าน วางบิลกับห้าง ได้รู้ระบบห้าง

ได้มุมมองการบริหาร เพราะเจ้าของลงมาทำทุกอย่างหน้างานเอง ได้มุมมองจากเฮีย และนักธุรกิจที่ทำธุรกิจกับห้างเยอะเลย มีเจ้าของร้านอาหารดังเจ้านึง ผมรู้จักเห็นแกตั้งแต่แกเปิดร้านแรกวันแรกอ่ะ สมัยแกยังนั่งแท็กซี่ง็อกๆ เรียกว่าตอนนั้นจนถึงตอนนี้ผมยกให้เฮียเป็นไอดอล

แต่ตอนนั้นเป็นเรื่องใหญ่มากเพราะแม่ผมไปตามถึงในห้างเลย แบบรู้ได้ไงหว่าว่าเราอยู่นี่ แล้วผมมารู้ทีหลังว่าแม่ไปร้องห่มร้องไห้ที่คณะ จะไปทำม้าย? ก็คิดแบบเด็กๆว่าสัก 2-3 เดือน พอทุกอย่างเข้าที่แล้วค่อยโทรกลับไปบอกที่บ้าน ( สมัยนั้นบ้านผมมีโทรศัพท์บ้าน เรียกว่าไม่ธรรมดานะ)

ทุกวันนี้พวกเพื่อนสมัยนั้นก็เป็นเจ้าของร้านเสื้อผ้ากัน ก็เรียนรู้มาเยอะนี่ มันก็ทำแบรนด์เอง ขายเอง เซลเอง ก็เห็นร่ำรวยกันดีนะ

งานรายวันงานแรก เพราะตำแหน่งมันลูกจ้างชั่วคราวรายวัน ก็คือตอนไปทำงานอยู่ป่าไม้ ตอนนั้นเปิดรับโครงการมิยาซาว่า ผมก็เข้ารุ่นนั้นแหละ ทุกคนเป็นวัยรุ่นรุ่นราวคราวเดียวกันหมด ได้ไปอยู่หน่วยใหม่ สร้างใหม่ อยู่กลางป่า รัศมี 40-50 กม. ไม่มีบ้านคน

ก็ถือปืน เดินตรวจ ไล่จับคนตัดไม้ และไปไหนต้องพกปืนตลอด เพราะชาวบ้านเกลียด ไปซื้อของร้านของชำหัวหน้ายื่นปืนพกให้เหน็บเอวไปด้วย หัวหน้าบอก "เพื่อความปลอดภัย" ก็บันเทิงดี กินข้าวกลางวันมีกลุ่มชาวบ้านถือมีด ถือปืน มาล้อมร้านไว้ไม่ให้ออก จะกระทืบเรางี้ แต่พอเอา HK ยิงรัวๆขึ้นฟ้า (หลังคาร้านเป็นรูๆเลย) พวกนั้นก็เงียบกริ๊บ ยอมให้เราเดินออก 555

ป่าไม้นี่เงินเดือนฝืด 3 เดือนออกครั้ง (เห็นว่าทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่) แถมตอนนั้นค่าแรงวันละร้อยกว่าเอง ประมาณ 140 นี่ล่ะ ผมก็จำไม่ค่อยได้ มันก็สอนแกมบังคับให้ต้องฝึกหากินเอาชีวิตรอด จากเด็กในเมืองต้องเรียนรู้เก็บหาของป่ากิน เดินสำรวจหลังหน่วยเจอขุมทรัพย์เห็ดมาริโอ้ เห็ดโคน ผมไม่รู้จักหรอก แต่พวกเพื่อนมันดีใจกัน รู้กันเป็นความลับว่ามีแหล่งอยู่ตรงนี้ ก็เก็บเห็ดใส่เต็มถุงดำ ได้หลายถุง ตระเวนขายไปทั่ว 3 อำเภอ แม่มแค่เห็ดนี่ก็เงินเยอะกว่าเงินเดือนละ ไหนจะยึดปืนพวกตัดไม้ ล่าสัตว์ ปืนนี่คนอื่นๆเอาไปเก็บ เอาไปใช้กัน แต่ผมรู้แหล่งขายแบบถูกกม. ราคาดีมาก มีวิธีดูอยู่ นกข้างยังไง นกตั้งยังไง พานท้ายยังไง

ป่าไม้ เงินไม่ออกเลยก็จริง แต่มี สหกรณ์ ให้เบิกของ (ไม่มีดอก) ไปกินไปใช้ก่อนได้ บุหรี่นี่เอามากันทีละคอตตอน ไหนใครว่ารายวันโง่วะ ? ก็เห็นเอากันทีละคอตตอนแทบทั้งนั้น แต่ก็มีซื้อข้างนอกเป็นซอง เป็นมวนสูบแก้ขัดบ้าง

ออกป่าไม้ก็ไปอยู่ตลาดกับพวกขายปลา ขายอาหารทะเล ไปลากล้อเข็น งานสบายทำตี 3-8 โมงเช้า ได้วันละ 300-1,000 สมัยนั้นนะ คนที่ได้เยอะเค้าได้กันวันละ 2,000-3,000 เคยนั่งร้านข้าวแกง พ่อกับแม่ชี้ให้ลูกดูข่าวตลาดไท เป็นพวกลากล้อเข็นในจอทีวี "ถ้าลูกไม่ตั้งใจเรียน ลูกต้องลำบากเหมือนไอ้พวกนี้นะ" คิดในใจ ห่า เงินมันดีกว่าเงินเดือนมึงอีกมั้ง 5555

ในตลาดตั้งแต่สมัยที่ผมไปทำ ก็เริ่มมีแต่พวกพม่าไปครอง ลูกจ้างทุกร้าน หรือลากล้อ ส่วนใหญ่พม่าทั้งนั้น เสียดายนะจริงๆตรงนี้เป็นช่องทางหารายได้ที่มันรายได้ดีมากๆ คือคุณไปทำแค่ 1-2 ปี เก็บเงินตั้งตัวได้สบายๆ หรือจะเปิดขายของต่อในตลาดก็ยังได้ ญาติผมที่ขายปลา ขายอาหารทะเล รวยกันแบบโคตรๆรวย ทำไม ? ก็ตลาดนั้นมันขขายกัน 24 ชม. ลูกค้าเข้าตลอด ร้าน โรงแรม ก็มาซื้อกันทีละเยอะๆ อย่างมีเสด็จนี่สั่งปลาทีละ 500 โลนะ แล้วขายกันทั้งวันทั้งคืนน่ะ

แต่ทำตลาดได้แค่ 3 เดือน ก็ไปอยู่กทม. ไปเรียนราม ก็ทำงาน รายวัน แบบจริงๆงานแรก คือทำงานเป็น Sub-Contract ให้การบินไทย อยู่คลังสินค้า งานโหดนะ แบบมีเด็กใหม่มาทำแล้วมันก็ร้องไห้ ถอดเสื้อเดินกลับบ้าน ขนาดนั้นเลย แต่ผมก็อยู่ได้นะ ก็ได้วนทำทุกแผนก ทั้งแบกหาม ทำเอกสาร แล้วแต่น่ะ ได้ติดต่อกับพวกชิปปิ้ง ทุกวันนี้เพื่อนผมรุ่นนั้นเป็นชิปปิ้งกันหลายคนเลย แต่ตอนหลังผมเข้าบ.สายการบินนึงได้ เงินดี มีโบนัส สวัสดิการเกรดA ได้ตั๋วฟรีปีละใบ

สมัยทำรายวันน่ะเหรอ ตอนนั้นกำลังจะเลิกบุหรี่แล้ว แต่ตอนสูบก็มีทั้งแบบแบ่งซื้อ กับเป็นซอง เอาจริงซื้อแบบแบ่งซื้อนี่ตั้งกะสมัยเป็นนักศึกษานะ เด็กถาปัดมันคงโง่กันอ่ะเนาะ 5555

ตอนอยู่สนามบิน ผมเจอช่องทางนึง เริ่มจากขาย CD น้องแน็ทบนสะพานลอย หน้าเจ๊เล้ง ขายได้วันละหลายพันอ่ะ ยืนขายแป๊ปเดียว ผมก็เลยได้เข้าวงการขายหนังผี ก็ไปขายในเจ๊เล้งเลย ลูกค้ารวยๆทั้งนั้น สมัยนั้นอ่ะนะ ซีรี่ส์ Friends นี่ขายดีมากๆ ลูกค้านี่หยิบกันแบบเต็มตระกร้าๆ ๆงั้นเลย

สุดท้ายผมก็ลาออก กลับมาทำธุรกิจกับที่บ้าน ทำกับน้องสาว+น้องเขย น้องสาวมันทำมาก่อนมันก็เลยเป็นเจ้าของ ผมก็เป็นแค่หุ้นส่วน แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ร้านก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่ในอำเภอผมมั่นใจว่าร้านผมอันดับ1 นะ และเราก็ทำน้ำยาขายเองด้วย

ทุกวันนี้คนงานบ้านผม ก็รายวันกันนั่นแหละ ก็อยู่ได้ จัดว่ารวยกันหลายคน สูบบุหรี่แบ่งขายเนี่ยนะ แต่มันไปทำอย่างอื่น บางคนเปิดร้านขายของชำให้เมียขาย บางคนตัวเปล่าๆมีแต่หะมอยกับรอยยิ้ม แต่ไปคุยกับอบต.ขอใช้บึงทำกระชังเลี้ยงปลา บางคนก็ไปขอดูแลสวนให้เค้า แต่ได้ปลูกพืชแซมตรงที่ว่างอย่างกล้วย ตะไคร้ ฯลฯ คือสุดท้ายมันอยู่ที่ช่องทางหาเงิน +ฉลาด มันมีองค์ประกอบหลายอย่างด้วย

คนที่อยู่ป่าไม้ แต่กินเขียม อยู่ประหยัดมีคนนึงนะ ทุกวันนี้จน ที่นาโดนยึด คือภาระคนเรามันไม่เหมือนกัน แต่ไอ้ป. กินเที่ยวร้านอาหาร ทุกวันนี้เป็นพ่อเลี้ยงสวนส้ม+ลำไย รวยแบบรวยฉิบหาย


บางเรื่องมันเป็นความเชื่อแบบพวกนั่งห้องแอร์น่ะ อย่างลากล้อ=จน, ชาวนา=ยากจน ไม่ฉลาด (ผมถึงเถียงตลอดว่าจริงๆมันไม่ใช่) รวมถึงเรื่องซื้อบุหรี่แบ่งขายนี่ด้วย คือมันไม่ได้ชี้วัดเลยนะ รู้ว่าหลักการมันใช่คือของจะแพงขี้น แต่ไปหว่าทำแบบนี้มันคือ
พวกชนชั้นแรงงานรับค่าแรงขั้นต่ำ ค่าจ้างเท่าไหร่ก็ไม่พอแดรก ให้500,1,000/วันก็ยังไม่พอแดรก เพราะพฤติกรรมเผาเงินพวกนี้เกินเยียวยา ทำอะไรโดนบวก 10-20% เขาไม่ได้คิด

คือในโลกความจริงมันไม่ใช่แบบนั้นนะ

Reply
Vote




1 online users
Logged In :