Review - Along with the Gods : The Two Worlds (ฮีซาแมน นอททาก๊อด)

กำกับ : Yong-hwa Kim (200 Pounds Beauty (ฮันนะซัง สวยสั่งได้), Mr. Go)

หนังเกาหลีจาก Web Comic ชื่อดังที่เมื่อผมเห็นหน้าหนังแล้วก็คิดจะมองข้ามไปเพราะดูยังกะ Bleach เวอร์ชั่นเกาหลียังไงไม่รู้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปมีเพื่อนไปดูหนังเรื่องนี้เพิ่มขึ้นก็มีแต่คนมาไซโคว่าควรดู ห้ามพลาด หนังดีมาก บลาๆๆ จนผมนอยด์เลยต้องขอไปจัดสักรอบ แล้วสุดท้ายผมจะคิดอย่างไรกับหนังมาดูกันครับ



Along with the Gods : The Two Worlds เล่าถึง คิมจาฮอง พนักงานดับเพลิงผู้มีจิตใจอันแน่วแน่ที่จะช่วยเหลือผู้อื่น และด้วยความทุ่มเทให้กับงานนี้เองทำให้เขาประสพเหตุเสียชีวิตขณะพยายามช่วยเด็กน้อยคนหนึ่งในเหตุการณ์ไฟไหม้ ในขณะที่วิญญาณของเขากำลังสับสนอยู่ก็ได้ปรากฏยมทูตสามตนมานำทางเขาไปยังนรก ได้แก่ คังลิม ผู้เป็นหัวหน้า, เฮวอนเมก ยมทูตนักรบหนุ่ม, และ ด๊กชุน ยมทูตสาวผู้มีความสามารถแสกนกรรมและพลังจิต เหล่ายมทูตได้บอกกับจาฮองว่า เขาเป็นวิญญาณ “คนดี” ที่นานๆทีจะมี และพวกเขาทั้งสามก็มีหน้าที่นำจาฮองไปขึ้นศาลแห่งบาปทั้ง 7 ในนรก หากสามารถผ่านการพิจารณาคดีทั้ง 7 ศาลใน 49 วัน จาฮองก็จะได้รับสิทธิ์ให้ไปเกิดใหม่ แต่จาฮองกลับดูไม่แน่ใจในความเป็น “คนดี” ของตนนัก ชีวิตของเขาในอดีตมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกันแน่ ติดตามได้ใน Along with the Gods : The Two Worlds ครับ



เมื่อผมชม Along with the Gods ในช่วงครึ่งแรก ก็พบว่าหนังจะมีดีในเรื่องของการถ่ายทอดจินตนาการนรกตามตำนานเกาหลีในแต่ละขุม ที่มีความเป็นแฟนตาซีสูงและเมื่อประกอบกับงานสร้างที่ไม่มีกั๊กมันก็ทำให้เกิดฉากอลังการๆขึ้นมาได้ และยังลบข้อครหาว่านี่มัน Bleach เวอร์ชั่นเกาหลีได้อีกด้วยเนื่องจากมันคล้ายแค่เปลือกนอกบางส่วนเท่านั้น แก่นของมันนั้นคนละเรื่องเลย แต่หนังก็ยังมีปัญหาในเรื่องของบท ที่ยังมีจุดที่ไม่ลงตัว ไม่สมเหตุสมผลหลายจุดอยู่ คาแรคเตอร์ของเฮวอนเมกก็พยายามจะตลกแบบค่อนข้างผิดที่ผิดทาง อีกทั้งมุกตลกยังได้แค่ขำหึๆเท่านั้นครับ จนแอบคิดว่าทำไมคนอวยกันจัง หนังแค่เฉยๆเท่านั้น แต่หนังก็ได้ทิ้งปม Conflict ของครอบครัวคิมของพระเอกไว้เรื่อยๆ ซึ่งหนังก็ทั้งสร้างปมและค่อยๆเฉลยพร้อมๆกันไป จนเมื่อหนังเข้าสู่ช่วง Climax ที่เป็นการเฉลยเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งมันมาพร้อมฉากขยี้แนวเกาหลีที่มีการแสดงอันเด็ดขาดของสองนักแสดงสมทบ และเมสเสจของหนังในเรื่องความย้อนแย้งของคำจำกัดความของคำว่า “การทำดี” มันก้แทบจะ Redeem หนังได้ทั้งหมดเลยทีเดียว โดยในฉากนี้นั้นจะได้ยินเสียงคนร้องไห้อยู่แทบทั้งโรง 555 (แต่ผมกลับไม่ร้องแฮะ ได้แค่น้ำตาซึมๆ แต่ก็เป็นฉากที่ดีแล้วละครับ) จนเมื่อหนังเข้าสู่ช่วง Epilogue นี้แหละที่รู้สึกว่าคาแรคเตอร์ยมทูตทั้งหมดมันลงตัวเสียที (ถึงแม้ว่าจะยังมีจุดไม่สมเหตุสมผลเช่นเดิม) จนมีความรู้สึกว่าอยากจะติดตามซีรี่ส์นี้ต่อในภาคสอง (ที่ประกาศแล้วว่าจะมี) ด้วยครับ



งานสร้างนั้นมีฉากแฟนตาซีอลังการๆหลายฉาก งาน CG นั้นก็ทำได้ดีทีเดียว ถึงจะไม่ถึงระดับฮอลลีวู้ดแต่ก็ไม่มีจุดที่ไม่เนียนจนน่าเกลียดครับ ฉากบู๊ต่างๆทำได้ดูสนุกใช้ได้ถึงแม้ฉากที่รู้สึกพีคจริงๆจะมีไม่กี่ฉาก อาจเพราะฉากที่มันวิกฤติจริงๆมีค่อนข้างน้อยครับ นอกนั้นโชว์เท่ห์มากกว่า การแสดงนั้น ผมว่าตัวละครเฮวอนเมกที่รับบทโดยจูจีฮุนนี้อาจจะเสียงแตกพอสมควร เนื่องจากตัวละครของเขาค่อนข้างทำอะไรพิลึกมากที่สุก และพูดอะไรไม่ค่อยสมเหตุสมผลมากที่สุด หากไม่ได้เป็นแฟนคลับเจ้าชายเย็นชาก็อาจจะรู้สึกตงิดๆหน่อย การแสดงที่เจ๋งจริงๆก็ตามที่พูดไปครับว่าเป็นของบทแม่และน้องชายของคิมจาฮอง ส่วนน้องยมทูตด๊กชุนก็น่ารักดีครับ แก้มย้วยดี 5555

สรุป : มีตำหนิที่บทที่แปลกๆ ไม่สมเหตุสมผลในบางจุด ตัวละครที่พิลึกแต่จะเรียกว่ามีเสน่ห์ก็ได้ แต่การผูกเรื่อง Conflict ของศีลธรรมในจิตใจ ฉากขยี้สไตล์หนังเกาหลีที่มีการแสดงที่เจ๋งมาก ฉากแฟนตาซีอลังการมันก็ช่วย Redeem หนังไว้ได้ ก็ถือว่าชอบด้วยคนแต่ก็อาจจะชอบไม่เท่าท่านที่อวยหลายๆท่านครับ (อ่อแต่คนที่ไม่ชอบการขยี้ดราม่าจ๋าๆสไตล์เกาหลีก็อาจจะเกลียดไปเลยละนะ)

คะแนน : 7.8/10 (B+) ชอบครับ