Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
This thread is locked
สนทนาประสาการเมือง ��าค VII

Reply
Vote
# Tue 24 Apr 2018 : 3:48PM

rum
member

Since 2012-06-27 10:08:08
(912 post)
อดีตผู้พิพากษา ถามกลับม.ดังเชียงใหม่สร้างในป่าสงวน 6 พันไร่ ไม่เห็นมีใครว่ารุกป่า !

นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษา หัวหน้าศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Chuchart Srisaeng แสดงความคิดเห็นเรื่องบ้านพักตุลาการ ที่ตั้งอยู่เชิงดอยสุเทพ พร้อมแชร์ประวัติการก่อตั้งของมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม ความว่าตามที่สภาคณาจารย์และข้าราชการมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ เรื่องโครงการบ้านพักตุลาการเชิงดอยสุเทพ อ้างว่าพื้นที่ที่ใช้ก่อสร้างบ้านพักตุลาการเชิงดอยสุเทพรุกล้ำป่าที่สมบูรณ์มาก สภาคณาจารย์ฯ ไม่เห็นด้วยและขอให้คืนป่าโดยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปโดยเร็วนั้น

ท่านอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เปิดเผยข้อเท็จจริงฟังเป็นข้อยุติได้ว่า พื้นที่ที่ใช้ก่อสร้างอาคารศาลอุทธรณ์ ภาค 5 และก่อสร้างบ้านพักตุลาการมีเนื้อที่ 147 ไร่เศษ อยู่นอกแนวเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เป็นที่ดินที่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง(น.ส.ล.) ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 8 ตรี จึงไม่ได้เป็นป่า ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ มาตรา 4(1)

มีเอกสารของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ยืนยันชัดเจนว่ามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ วิทยาเขตสะลวง-ขี้เหล็ก ซึ่งมีเนื้อที่ 6,235 ไร่เศษ ก่อสร้างอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ริม ตามหลักฐานที่แนบมาด้วยแล้ว

หน่วยงานราชการเหมือนกัน ต้องการพื้นที่ก่อสร้างอาคารเพื่อใช้ประโยชน์ในราชการเหมือนกัน ต่างกันเพียงหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศชาติไม่เหมือนกันเท่านั้น มหาวิทยาลัยราชภัฏเขียงใหม่ ก่อสร้างวิทยาเขตสะลวง-ขี้เหล็ก ใช้เนื้อที่มากถึง 6,235 ไร่เศษ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติซึ่งเป็นป่าตามกฎหมายได้ ไม่มีเคยได้ยินข่าวว่าผู้ใดคัดค้านหรืออ้างว่ารุกล้ำ”ป่า” มีเพียงข่าวว่ามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ใช้สโลแกนว่า “มหาวิทยาลัยในป่า” เท่านั้น

สำนักงานศาลยุติธรรม ก่อสร้างอาคารศาลอุทธรณ์ ภาค 5 และบ้านพักตุลาการ ใช้เนี้อที่เพียง 147 ไร่เศษ หรือประมาณร้อยละ 2.36 ของเนื้อที่ที่ใช้ก่อสร้างมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ วิทยาเขตสะลวง-ขี้เหล็ก เท่านั้น ทั้งอยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติและไม่ได้เป็นป่าตามกฎหมาย แต่มีผู้คัดค้านซึ่งรวมทั้งสภาคณาจารย์ฯ โดยอ้างว่ารุกล้ำ”ป่า”

ถ้าสังคมไทยยังมีคนบางกลุ่มไม่ยึดถือกฎเกณฑ์ที่มีอยู่มาใช้ตัดสินเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองว่าอะไรถูกอะไรผิด แต่ใช้ความเพียงรู้สึกนึกคิด ความพอใจ ความรักใคร่ ความไม่พอใจ ความเกลียดชัง ความอิจฉาริษยาหรือถ้าตนเองได้ประโยชน์ก็เป็นสิ่งที่ถูก แต่ถ้าตนเองไม่มีส่วนได้ประโยชน์ก็เป็นสิ่งที่ผิด

สังคมไทยก็ต้องมีเรื่องวุ่นวายเช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ตลอดกัลปาวสาน

[Link]

ใครช่วยตอบท่านหน่อย
View all 2 comments >
Tue 24 Apr 2018 : 4:45PM

welzer
member

Since 30/9/2005
(9399 post)
แถวบ้านผมที่ราชพัสดุเดิมก็เป็นป่า ตอนนี้ถางทำโรงเรียนหมดแล้ว ผมต้องไปชูป้ายเอาป่าคืนด้วยรึเปล่า

Tue 24 Apr 2018 : 10:27PM

toranin
member

Since 19/8/2008
(10420 post)
welzer wrote:
แถวบ้านผมที่ราชพัสดุเดิมก็เป็นป่า ตอนนี้ถางทำโรงเรียนหมดแล้ว ผมต้องไปชูป้ายเอาป่าคืนด้วยรึเปล่า


ถ้าอยากจะทำก็ทำได้นะ แล้วแต่คนในพื้นที่ แล้วแต่ความเหมาะสม ใช้หัวคิดพิจารณากันเอาเอง เรื่องนี้คงจะไปถามคนนอก
ให้คนนอกไปคิดให้คงไม่ได้ เพราะที่ที่ว่าตรงนั้นมันเป็นยังไง อะไรยังไง ก็ไม่รู้

คือมันต้องดูหลายอย่างประกอบนะ ต้องดูผังเมือง ดูพื้นที่ ดูผลกระทบด้านต่างๆ ทั้งวิถีชีวิต วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม ฯลฯ อย่างที่ม.ราชภัฏที่ท่านชูชาติยกมาอ้าง ใครเคยมาเชียงใหม่ถ้ารู้ที่ตั้งม.ราชภัฏจะเข้าใจ มันอยู่ในตัวเมืองนะ ในเขตอำเภอเมือง ผังเมืองมันเปลี่ยนเป็นเขตชุมชนไปแล้ว ถ้าม.ราชภัฏไม่สร้างที่ตรงนั้น ตรงนั้นก็ต้องเอาไปทำอย่างอื่นอยู่ดี สมมุติถ้าไม่สร้างอะไรตรงนั้นมันก็จะมีสภาพเป็นป่าที่ถูกตัวเมืองล้อม คือทุกที่ในเมืองเชียงใหม่ถ้าย้อนอดีตไปมันก็เป็นป่า(พื้นที่ราบ)ทั้งนั้นแหละ ผ่านไปร้อยปีมันก็กลายเป็นตัวเมือง มันคนละเรื่องกับดอยสุเทพเลยนะ



Reply
Vote




2 online users
Logged In :