Spider-Man: Into the Spider-Verse : A+

หลังจากที่ชมตัวอย่างที่มันเปิดตัวรอบแรกแล้วคิดว่าไม่น่าจะไปรอด ก่อนที่จะมีกระแสดีมาตลอดจนกระทั้งได้ดี ไม่ผิดนักที่มันจะถูกยกย่องว่าเป็น Spiderman ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ Spiderman 2 ออกฉายเมื่อปี 2004

ที่โดดเด่นแบบชัดเจนเลยคือแนวภาพ Visual ของหนังที่เสมือนการนำหน้าหนังสือคอมมิคมาดัดแปลงเป็นภาพขยับแบบจริง ๆ มันมีทั้งความสร้างสรรค์ ความแนวในแบบที่ไม่เหมือนใคร อีกทั้งตัวอนิเมชั่นก็มีความลื่นไหลไม่สะดุดอย่างที่เรากลัวกันในตัวอย่าง ขอชื่นชมที่ทีมสร้างสามารถใช้งานภาพแบบนี้ในหนังแล้วทำให้เราไม่รู้สึกมึนตาหรือดูไม่รู้เรื่อง ทั้งที่ว่ากันตามตรงการทำภาพแบบนี้มีสิทธิที่จะออกมาเละได้เสมอ แต่ทีมนี้เก่งขนาดว่าฉากแอ็คชั่นที่มีความเร็วก็ทำให้ดูรู้เรื่องและสนุกไปกับมันได้มาก ๆ (ดีกว่าฉากแอ็คชั่นไคล์แมกซ์ของ Homecoming และ Venom หลายขุม) อีกทั้งการเลือกใส่เพลงในแต่ละช่วงก็ทำได้ดีเสียด้วย

อีกส่วนที่เซอร์ไพร์สและทำให้หลงรักหนังเรื่องนี้มากขึ้นคือเนื้อเรื่องแบบ Coming Age แบบสไปเดอร์แมน ที่การใช้ไมล์มาเป็นตัวละครหลักพร้อมปัญหาชีวิตของเขา โดยใช้การก้าวผ่านปัญหาต่าง ๆ ด้วยปีเตอร์ พาร์คเกอร์และอุปสรรคในหนัง มันเสมือนการที่เราได้ดูตัวละครเกล่านี้เติบโตและแก้ไขปัญหาที่พวกเขากำลังเจออยู่ได้อย่างน่าสนใจ ในขณะที่บทบาทของตัวละครเอกในหนังก็สร้างออกมาได้ดี เราจะได้เห็นปีเตอร์ พาร์คเกอร์นาดของคนขี้แพ้ที่เหมือนเงาสะท้อนของคนวัยกลางคนที่ปัญหาชีวิต เราจะเห็นไมล์ในมาดของเด็กที่ยังไม่ก้าวผ่านชีวิตและต้องมารับสิ่งที่ตัวเองไม่ทันตั้งตัว เราจะเห็นเกวนที่มีปัญหากับการเข้ากับคนอื่น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเหมือนเงาสะท้อนปัญหาชีวิตของคนแต่ละวัย ก่อนที่หนังจะบอกถึงการก้าวผ่านปัญหาพวกนี้ไปด้วยกัน

ถ้าจะให้ติกันจริง ๆ คงเป็นเรื่องของจุดขายหนังอย่าง Spider-Verse เหมือนจะยังไม่เต็มที่กับมันเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะตัวละครเสริมอีกสามคนที่บางคนบทบาทจืดจางซะจนน่าใจหาย และการเล่นสไตล์ของตัวละครเหล่านี้ยังน้อยเกินไป แต่ก็เข้าใจว่าหัวใจหลักของหนังจริง ๆ คืออยากจะเน้นไปที่ตัวไมล์มากกว่า หวังว่าในภาคหน้าจะปล่อยของได้เต็มที่กว่านี้

สรุป Spider-Man: Into the Spider-Verse ไม่ใช่อนิเมชั่นที่มีดีแค่การนำตัวละครจากสไปเดอร์แมนมารวมตัวกัน เอาจริง ๆ จุดนี้น่าจะเป็นจุดอ่อนที่สุดของหนังด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ได้มาคือหนัง Coming Age ดี ๆ เรื่องหนึ่งที่เราได้เห็นการก้าวข้ามปัญหาชีวิตของคนแต่ละวัย สไตล์งานภาพหนังโดดเด่นและสวยงามแบบน่าจดจำ เป็นหนังสไปเดอร์แมนที่เรารอคอยกันมานานจริง ๆ

ปล. End Credit คือหนึ่งในฉากหลังเครดิตที่ยอดเยี่ยมที่สุดฉากหนึ่งเท่าที่เคยดูมา ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง