จากคลิปที่ยกมาอยู่ในส่วนของการดีไซน์ที่ผมบอกว่าเป็นด้านที่ดีของเรื่องนี้ครับ(แต่แค่ช่วงๆหลังๆตอนบานาน่านัยยะไรพวกนี้จะน้อยลงจากตอนแรกๆมาก) สิ่งที่ผมไม่ชอบในเรื่องนี้เลยคือการที่จริงๆเส้นเรื่องมันไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลย พล็อตมันไม่ได้ยากแต่แค่ทำให้มันดูซับซ้อนไปงั้นๆ พอลองมาวิเคราะห์แกะดูแล้วมันก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆที่ไม่จำเป็นต้องๆไปวิเคราะมันเลยด้วยซํ้า และเหตุผลของตัวละครที่อ่อนมากๆอย่างบานาน่าเหตุผลการลูปไร้สาระมากสำหรับผม เหตุผลมันไม่มากพอที่จะให้คนๆนึงคิดที่จะทิ้งอนาคตและไปจมปลักอยู่กับอดีตได้ จริงๆปมบานาน่านี้ขยี้หนักๆให้มันดาร์คๆไปเลยก็ได้ ไหนจะเหตุผลที่ฮิคาริเข้ามาพังลูปได้แบบงงๆ หรือทำไมฮิคาริหลังแพ้ถึงย้อนกลับมาก่อนลงออดิชั่นได้ซะงั้นแล้วทำไมคนที่แพ้คนอื่นๆไปไหนฟะ ถึงดูไม่มีผลอะไรเลย บุคลิกของฮิคาริเองที่พอมาเจอคาเรนและเปลี่ยนไปเป็นคนนิ่งๆนี้ก็ไม่เมคเซ้นพอ ไหนจะที่พยายามห้ามคาเรนไม่ให้ลงออดิชั่นเพราะไม่อยากให้คาเรนเสียสิ่งสำคัญไปแต่ไม่ยอมบอกว่าสิ่งสำคัญนั้นคืออะไร ? ไหนจะพลังมิตรภาพสัญญาชนะทุกอย่างของคาเรนกับฮิคารินี้ก็เอือมเอาเรื่องเลย

จริงๆผมชอบซีรีย์นี้นะ แต่แค่ไม่ชอบเนื้อเรื่องในอนิเมะ แต่ด้านฉาก revue ผมชอบหมด แค่ช่วงหลังๆมันดรอปไปหน่อย (ไม่ค่อยมีนัยยะอะไรแล้วฟาดกันอย่างเดียว) ผมจะไปชอบเนื้อเรื่องในฉบับละครเพลงมากกว่า มันดู simple ในแบบที่ผมว่ามันควรจะเป็น (ในอนิเมะเนื้อหามัน simple แต่พยายามเล่าเรื่องให้งง กำกวน ให้ดูไม่ simple)และหลักการการเอาชนะในการ revue ในฉบับละครเวทียังดูสมเหตุสมผลกว่าตรงที่โจทย์ของมันจริงๆไม่ได้โฟกัสที่ว่าใครจะไปฟันผ้าคลุมให้หลุดจากบ่าอีกฝ่ายได้ แต่เป็นว่าใครจะโชว์การแสดงที่เข้ากับชื่อหัวข้อของ revue นั้นได้คนนั้นก็คือคนที่เหนือกว่า ผมว่ามันเข้าธีมการแสดงที่มันพยายามเป็นดี กลายเป็นว่าผมชอบเนื้อเรื่องในฉบับละครเวทีที่ทำไปแล้วสองไลฟ์มากกว่าอนิเมะมากเลย

หากมามองดูรวมๆสรุปทุกอย่างของเรื่อง เนื้อหามันไม่ได้มีอะไรหวือหวาออกแนวเชยๆด้วยซํ้า แต่พยายามทำให้มันดูยาก เล่าเรื่องกำกวม ยกตัวอย่างเช่น บทพูดของตัวละคร แค่บทมันเชยๆธรรมดาๆก็เป็นตัวกดคุณภาพแล้วยังพยายาเล่าเรื่องให้มันดูมีอะไรทั้งๆที่จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรมากเลยยิ่งแย่เข้าไปอีก สู้เล่าแบบง่ายๆไปเลยดีกว่า และช่วงท้ายๆฉาก revue ดันดูดรอปลงเข้าไปอีก เลยยิ่งทำให้ดูแย่ไปเลยสำหรับผม แต่ยอมรับว่าการดีไซน์ออกแบบตอน Revue ช่วงแรกๆนี้ดีมากครับไม่เคยมีเรื่องไหนทำออกมาได้ดูครีเอทขนาดนี้ ถ้าเกิดคุมคุณภาพการดีไซน์ยันจบเรื่องได้+เนื้อหาไม่ต้องเล่าให้กำกวมซับซ้อนเล่าแบบง่ายๆเชยๆแบบละครเวทีไปเลย ผมจะชอบอนิเมะเรื่องนี้มาก

ป.ล.ไม่ใช่ว่าผมไม่ได้ชอบอนิเมะที่เนื้อหางงๆให้คิดวิเคราะห์นะ ชอบด้วยซํ้าแต่แค่เรื่องนี้มันไม่ได้มีเนื้อหาที่ดีพอที่จะเล่าเรื่องด้วยวิธีการแบบนี้เฉยๆ มันเลยดูแย่ สู่เล่าแบบปกติๆไปเลยดีกว่า

ป.ล.2 อันนี้ความชอบส่วนตัวชอบฉาก Revue ของเวอรชั่นละครเวทีตรงที่คนที่แสดงได้เข้ากับหัวข้อของการออดิชั่นครั้งนั้นๆได้มากที่สุดคือคนที่เหนือกว่า(หรือก็คือได้บัพ) ฉากจุนนะ vs ฮิคาริ

ดูแบบละครมาด้วยเหรอฮะ ท่าทางจะข้อมูลแน่นกว่าผมแหะแบบนั้น
ไว้กลับบ้านไปเดี๋ยวจะลองตอบเท่าที่ผมเข้าใจดูนะฮะ

จริงๆ ที่เนื้อหาออกมากำกวม ยืดยาว เล่าเรื่องช้า นี้ก็น่าจะเพราะพยายามจะให้บทสรุปของเรื่องมันเหมือนในละครเวที เนื่องจากตัวละครเวทีถ้าจำไม่ผิดจะได้แสดงก่อนเมะฉายอีก พอมาเป็นเมะเลยต้องแก้ไขบ้างให้ไม่เหมือนซะทีเดียวแต่ก็ต้องจบลงในจุดเดียวกัน

คาเรน-ฮิคาริ - ฮิคาริได้ความเปล่งประกายคืนมา และได้ร่วมกันแสดงสตาร์ไลท์อย่างที่ฝัน
คาโอรุโกะ-ฟุตะบะ - คาโอรุโกะได้รับรู้ว่าฟุตะบะเองก็อยากเปล่งประกาย ไม่ได้ต้องการแค่อยู่ข้างๆคาโอรุโกะไปวันๆ
คลาดีน-มายะ - ต่างยอมรับในความแข็งแกร่งของกันและกัน (ก่อนหน้านี้จะดูถูกกันไปมา)
บานะน่า - เลิกยึดติดกับอดีตและมุ่งหน้าไปพร้อมกับทุกคน (จริงๆบานะน่ามีปมในอดีตตอนเด็กด้วยว่าทำไมถึงได้ยึดติดกับสตาร์ไลท์ครั้งนั้น แต่มาเฉลยตอนละครเวทีรอบสอง)
มาฮิรุ - ยอมรับในตัวฮิคาริและเป็นเพื่อนกัน

ทั้งอนิเมะและละครเวทีจบลงแบบนี้เหมือนกัน แต่ละครเวทีแค่ชั่วโมงกว่าๆเองได้ แต่อนิเมะ 12 ตอน เลยต้องยืดเขียนเรื่องให้เวอร์วังไว้ และจะเขียนเนื้อหาสปอยเกินกว่าละครเวทีต่อๆไปก็ไม่ได้ด้วย เลยออกมาเป็นงั้น จริงๆจะทำเป็นมูฟวี่เนื้อเรื่องแบบละครเวทีเลยก็ได้แต่การตลาดของบูชิโรด มักจะออกแบบทีวีซีรีย์มาก่อนค่อยมูฟวี่เลยออกมาเป็นงี้แหละ

ป.ล. มีมังงะที่ทำออกมาอิงเนื้อเรื่องตามละครเวทีและปรับอะไรนิดหน่อยให้ดูเข้าท่าขึ้น ชื่อ Revue Starlight - The LIVE - Show Must Go On และจะมีมังงะต่อ Revue Starlight #2 Transition อิงจากเนื้อหาละครเวทีรอบสองเป็นเนื้อเรื่องต่อหลังจากคาเรนกับฮิคาริได้ทำความฝันสำเร็จแล้ว