ถ้าเป็น Sony ให้เอารุ่น 8000E ขึ้นไปครับ ตัวอักศรท้ายเลขคือปีที่ทีวีวางจำหน่าย

เช่น E คือปี 2017 F คือปี 2018 จะไล่ตัวอักศรไปเรื่อยๆ

ที่ต้องเป็นรุ่น 8000 ขึ้นไปเพราะตั้งแต่รุ่น 8000 ขึ้นไปจะมีชิป ไตรลูมินอส เพิ่มเฉดสีให้ทีวีสีสดใสขึ้นเหมาะกับการเล่นเกม

ถ้ารุ่นต่ำกว่านี้สีจะไม่สดครับ แต่ราคาจะถูกกว่า ตัวเลขยิ่งมากขึ้นสเป็กจะดีขึ้น ราคาก็จะแพงขึ้น

ถ้าเป็น LG ให้เอารุ่นที่มีชิป นาโนเซล ครับ ถ้าไม่มีชิปภาพจะแย่และจืดมาก LG มีดีแค่เมจิกรีโหมด ( รีโหมดที่เหมือนเม้า )แต่จะภาพแย่ รุ่นของปี 2018 นี้ เลยแก้ไขจุดอ่อนเรื่องภาพแย่ด้วยชิป นาโนเซล ถ้ามี นาโนเซลก็ ok ครับ

panasonic เอารุ่น fx700 ขึ้นไปครับ เหตุผลเดียวกัน เรื่องภาพกับสีจะต่ำลงถ้าเลขรุ่นต่ำกว่านี้

ซัมซุง เอา QLED ไปเลยครับ

แต่ถ้างบน้อยซื้อรุ้นพวกที่ว่าไม่ใหวก็จัด TCL P6US ไปเลยครับ

แต่ถ้ามีเงินเยอะจัด OLED ไปเลยครับ สุดกว่าทุกรุ่นที่ว่ามาทั้งหมด

OLED ของ LG ราคาจะถูกสุด แต่เป็น OLED ที่ภาพแย่ที่สุดในตระกูล OLED แต่ภาพมันก็เทพอยู่ดีถ้าเทียบกับ LED

OLED ของ Sony ภาพจะดีกว่า LG แต่ราคาจะแพงกว่าหน่อย และแตกต่างจาก OLED ทุกยี่ห้อตรงที่มีระบบเสียง Acoustic Surface เสียงจะออกมาจากหน้าจอโดยตรงด้วย Actuator สามตัวด้านหลังทีวีที่สั่นสะเทือนเพื่อเสียงที่เคลื่อนไหวไปพร้อมกับภาพ พูดง่ายๆก็คือเสียงจะออกมาจากหน้าจอ ปากของตัวละครพูดอยู่ตรงไหนของจอ เสียงจะออกมาจากปากตรงจอเลย

OLED ของพานาภาพจะดีสุด แพงสุด แต่ไม่มีเทคโลโนเรื่องเสียงแบบ SONY

แต่ OLED จริงๆแล้วไม่ค่อยเหมาะกับการเล่นเกมเท่าใหร่ เพราะอาจมีอาการจอใหม้ ถ้ามีภาพค้างนานๆเช่นพวก แผนที่ในเกมค้างนานๆที่หน้าจอ อาจทำให้จอใหม้ได้ และกินไฟมากกว่า LED เหมาะกับการเอามาดูหนังมากกว่า เหมาะกับการเป็นทีวีตัวที่ 2 ของบ้านมากกว่า แบบใช้แปปๆ แล้วก็ปิด ไม่เหมาะกับการเอามาใช้หนักๆแบบ LED

ปล. ถ้าไปซื้อทีวีที่ร้าน เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะเจอพนักงานขายทีวีของยี่ห้ออะไร เพราะเขาจะไม่บอกเราว่าเขาขายยี่ห้ออะไร ให้ตัดสินทุกอย่างด้วยสายตาของตัวเอง และเขื่อตัวเองใว้ก่อนครับ อย่าคล้อยตามคำพูดพนักงาน ฟังได้แต่อย่าเชื่อทั้งหมดถ้าเขาทับถมแบรนด์คู่แข่งครับ