ไม่รู้ว่ามีส่วนเยอะไหมนะครับ คือช่วง jocker ฉายนี่ไม่ค่อยมีหนังใหม่ ๆ มาลงฉายเท่าไหร่ด้วย กินเวลาสักประมาณ 2 สัปดาห์ได้เลย

ได้เพราะกระแสมันดี ได้คำชมเยอะ ส่วนหนึ่งก็เพราะมีคนที่ดูซ้ำกันด้วยนั่นแหละครับ แล้วกระแสมันแรงเพราะคนแห่ออกมารีวิวกันเยอะมาก หลายเพจหลายช่องที่ไม่ได้รีวิวหนัง รวมถึงคนทั่วไปก็ยังแห่ตามกันมารีวิว+ชื่นชมกัน กระแสขนาดนี้+กับคำเตือนหนังดึงอารมณ์ดิ่งดาวน์ ถึงขนาดไม่เหมาะกับผู้ป่วยซึมเศร้า คนมันก็ยิ่งอยากลองเข้าไปดูกัน และแน่นอนตัวหนังมันคุณภาพดีจริงๆ เกรดหนังมันแบบมันมีศักยภาพที่จะทำเงินได้สูงอยู่แล้วครับ แล้ว+กับแบรนด์DC ตัวละครดังสุดยอดวายร้ายอันดับหนึ่งของโลกภาพยนตร์ คนชอบเยอะ อันนี้ก็ต้องขอบคุณฮีธคลิฟ เลดเจอร์ด้วย สร้างบุญเก่าไว้ให้วอร์เนอร์ไว้ดี ชนิดที่ทำให้ตัวละครนี้มันมีสเน่ห์ดึงดูดคนดูได้ อย่างใครจะมาเล่นบทนี้ คนมองกันว่าบทนี้มันเล่นยาก มันโน่นนี่นั่น พอคนใหม่คือวาคีนเล่นดีแบบดีมากอ่ะ ความรู้สึกคนดูมันเลยมาทางเดียวกับ ฟอร์เรส กัมป์ ที่ก็ดังกระแสคำชมดี+ดาราเล่นเก่งแบบเดียวกันเลย แบบกลายเป็นตัวละครนั้นไปเลย คือไม่แปลกที่มันจะกลายเป็นหนังทำเงินแห่งปีเหมือนฟอร์เรส กัมป์

โจ๊กเกอร์นี้สุดยอดมากในแง่มันทำให้อันดับหนังทำเงินมีหนังดีๆติดอยู่ได้ คืออันดับหนังทำเงินถ้าไม่ใช่หนังรวมจักรวาล หนังภาคต่อ (ซึ่งมันไม่ค่อยมีหนังที่ดีจริงๆในแง่ศิลปะภาพยนตร์) ถึงโจ๊กเกอร์จะเป็นหนังฮีโร่ แต่เนื้อแท้มันเป็นหนังเกรดสายรางวัลอ่ะ แม่มโคตรสะใจชิ๊บหายที่มันทำเงิน เพราะมันทำให้คนได้เข้าไปดูหนังดีๆกันบ้าง ผมชอบตรงนี้แหละ

หนัง=สินค้า มองว่าโจ๊กเกอร์คือสินค้าชิ้นหนึ่งนะครับ สินค้าอะไรก็ตามจะขายได้เยอะเพราะมีคนต้องการจะซื้อกันเยอะ คนชอบ คนที่มองว่าสินค้ามีประโยชน์ตอบโจทย์กับชีวิตเค้า สินค้ามันมีความคุ้มค่า บางคนก็ซื้อเพราะกระแสอยากลอง แต่มันเหตุผลเดียวกันคือคนอยากซื้อเพราะคนต้องการจะซื้อ ผมมองว่าโจ๊กเกอร์อ่ะ มันสร้าง Demand ได้ดี ทำให้คนมีอารมณ์ มีความต้องการที่จะซื้อกัน มันไม่ได้เป็นสินค้า(หนัง)แบบโผล่มามึงเปิดหน้าขายเลย ลองดูที่เข้าฉายใกล้ๆกันอย่างมาเลฟีเซนต์ ที่อารมณ์แบบเอามั๊ยพี่ปากกาสวยๆ(หนังภาคต่อ)แค่ 199 บาท คนเดินผ่านก็แบบ เฮ้ย ผมไม่เอาหรอก ยังไม่อยากได้ปากกา เอามาทำไมวะ คือมันก็จะขายได้เฉพาะคนที่อยากได้ปากกากันอยู่แล้ว หรือคนที่ซื้อไปให้คนอื่น(แบบไปดูกับลูก กับแฟน) หรือคนที่ซื้อเพราะสงสาร(แบบกูไม่รู้จะดูเรื่องอะไร งั้นดูอีนี่ก็แล้วกัน) ซึ่งถ้าเกิดมันมีลูกค้ากลุ่มนี้อยู่เยอะก็จะทำเงินได้เยอะ แต่โจ๊กเกอร์มันสร้าง Demand ก่อนอ่ะ มันสร้างอารมณ์ให้คนอยากได้ปากกาก่อน อันนี้ไม่รู้มันฟลุ๊คหรือฝ่ายการตลาดมันเก่งเมพ

ส่วนหนึ่งน่ะผมว่ามันถูกจริตกับคนหมู่มากมากกว่า ใครดูหนังมาร์เวลกับดีซีมาจะรู้อยู่เต็มอกว่าไม่ใช่หนังฮีโร่ แต่ที่มันพีคได้เกินความคาดหมายก็เพราะค่านิยมและกระเเสสังคมของตอนนี้นี่แหละ และหนังมันก็ดีมากๆด้วยดีแบบไม่ควรยุ่งแวะกับจักรวาลของฮีโร่ อีกส่วนก็พระยี่ห้อโจ๊กเกอร์ที่ฮีธสร้างมาตรฐานไว้สูงปรี๊ดด้วย

แต่ถ้าถามผมว่าหนังขาดอะไรไปที่จะทำให้หนังรางวัลเรื่องนี้อาจไม่ประสบความสำเร็จ อันดับแรกเลยคือการเจาะกลุ่มเป้าหมายคนดูที่เน้นเฉพาะกลุ่มเกินไป และอย่างต่อมาการโฆษณาโจ๊กเกอร์ของวอร์เนอร์ฯเองก็ทำแค่แบบหาอะไรมาคั่นจักรวาลดีซี เอ็กซ์เทนเดด ยูนิเวิร์ส โดยรวมสตูดิโอคิดถูกที่ไม่เวิ่นเว้อมากแต่หนังดันจบสวยสมบูรณ์กว่าจักรวาลหลัก ทางเดียวที่สตูดิโอควรพัฒนาต่อคือกลับมาทำหนังดาร์กๆแบบโจ๊กเกอร์ในจักรวาลอีกครับ