วิจารณ์ภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส IX:เดอะ ไรส์ ออฟ สกายวอล์คเกอร์



เดอะ ไรส์ ออฟ สกายวอล์คเกอร์:กำเนิดใหม่สกายวอล์คเกอร์ เป็นภาพยนตร์ประเภทแอ็คชั่น-ไซ ไฟ ควบคุมงานสร้างเขียนบทและกำกับโดยเจ เจ อับรามส์ ดัดแปลงเค้าโครงเรื่องจากสตาร์ วอร์สของจอร์จ ลูคัส ลูคัส ฟิล์มและแบดโรบอท โปรดักชั่นร่วมเป็นทีมงานสร้างภาพยนตร์ จัดจำหน่ายโดยวอลท์ ดิสนีย์ สตูดิโอส์ โมชั่น แคปเจอร์ส ใช้ทุนสร้างที่ 250-300 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
อดัม ไดรเวอร์ จาก ไซเลนซ์ รับบท เบน โซโล/ไคโล เรน
เดซี่ ริดลี่ย์ จาก สครอวล์ รับบท เรย์ สกายวอล์เกอร์
จอห์น โบเยก้า จาก แปซิฟิก ริม:อัพไรซิ่ง รับบท ฟินน์
เอียน แมคเดียร์มิด จาก สลีปปี้ โฮลโลว์ รับบท จักรพรรดิพัลพาทีน/ดาร์ธ ซีเดียส



เรื่องย่อ
หลังจากที่กลุ่มต่อต้านได้หนีจากการตามล่าของปฐมภาคีได้สำเร็จในตอนที่แล้ว ไคโล เรน(ไดรเวอร์)ได้ออกตามหาอุปกรณ์ซิธ เวย์ไฟน์เดอร์ อุปกรณ์ที่เป็นแผนที่ไว้สำหรับเดินทางไปหมู่ดาวเอ็กเซโกล ไคโล เรนได้ไปที่เอ็กเซโกลจนพบกับจักรพรรดิพัลพาทีน(แมคเดียร์มิด)ที่ยังรอดชีวิต และพัลพาทีนได้มอบกองทัพยานสตาร์ เดสทรอเยอร์แบบใหม่ให้กับไคโล เรน ก่อนตั้งกลุ่มกองทัพใหม่ในนาม"ปัจฉิมภาคี"

ส่วนฝั่งเรย์(ริดลี่ย์)กับฟินน์(โบเยก้า)และกลุ่มต่อต้านที่ยังหลงเหลือได้วางแผนเตรียมการรบกับกองทัพจักรวรรดิ และเรย์ก็ได้เรียนศาสตร์เจไดกับนายพลเรอาอีกด้วย ไคโล เรนได้ใช้โทรจิตสื่อสารกับเรย์พร้อมบอกเรื่องจักรพรรดิพัลพาทีน ที่กำลังจะกลับมาขยายอำนาจทั่วกาแลกซี่อีกครั้ง ทำให้เรย์ต้องออกค้นหาซิธ เวย์ไฟน์เดอร์อีกชิ้นเพื่อไปกำจัดจักรพรรดิพัลพาทีนก่อนกองทัพจะรุกรานกาแลกซี่

เรย์ได้พบไคโล เรนก่อนที่ภายหลังเรย์จะรู้ความจริงที่ว่าตัวเองคือหลานของพัลพาทีน และพัลพาทีนต้องการกำจัดเรย์ทิ้งเพราะเรย์ไม่ยอมเข้าด้านมืดกับกองทัพจักรวรรดิพัลพาทีน ทำให้เรย์ได้บินไปกลุ่มดาวเอ็กเซโกลเพื่อทำลายแผนพัลพาทีน และตามมาด้วยกองทัพยานกลุ่มต่อต้านและเบน โซโลที่หันกลับมาสู่ด้านสว่าง ได้มุ่งหน้าไปช่วยเรย์ก่อนที่ทั้งหมดจะยับยั้งแผนครองกาแลกซี่ของจักรพรรดิพัลพาทีนได้สำเร็จ



ข้อดี
หลังจากทั้งฟอร์ซ อเวคเคนส์และลาสต์ เจไดได้ทิ้งปมความสงสัยไว้มากมาย อับรามส์ได้ทำบทสรุปที่ถือว่าดีที่สุดแล้วออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบมาก รวมถึงการแสดงนำของตัวเอกภาคนี้ที่ค่อนข้างโดดเด่นและเดินเรื่องได้แบบมีชั้นเชิง เพิ่มเติมด้วยเอกลักษณ์ความเป็นสตาร์ วอร์สที่ขาดหายไปในสองภาคก่อนกลับมาอย่างครบครัน รวมไปถึงงานโปรดักชั่นที่เป็นงานสามเอบวกทั้งภาพและเสียงซึ่งถ้าไม่หูตาเทพจริงคงมีข้อบกพร่องยาก
ดนตรีประกอบภาคนี้อาจมีทำนองให้จังหวะมันช้าๆลงมาเพื่อปรับโทนของหนัง แต่ช่วงไคลแมกซ์ตัวซาวด์ทั้งหมดบรรเลงออกมาอย่างดุดันและมีเสน่ห์ที่ทรงพลังมาก

ข้อเสีย
พล็อตเรื่องที่แบนราบอยู่ๆหนังก็จับตัวละครที่ตายไปแล้วกลับมาเป็นตัวร้ายใหม่อีกครั้ง ถือว่าเป็นความผิดพลาดและน่าเบื่อสำหรับแฟนๆที่ต้องการเห็นอะไรที่เซอร์ไพรส์กว่านี้ และการที่หนังเอาตัวละครเก่าๆอย่างแลนโด้ คัลริสเซี่ยนกลับมาก็ไม่ได้เพิ่มความน่าสนใจให้เนื้อเรื่องเลย ส่วนการเล่าเรื่องที่รวดเร็วแม้จะดูน่าติดตามแต่บางจังหวะอารมณ์ร่วมกับหนังคนดูก็ตามไม่ทันจริงๆ
คอมพิวเตอร์กราฟฟิกหากใครต้องการเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นอาจจะต้องผิดหวัง เพราะโดยรวมเทคนิคพิเศษวิชวลต่างๆยังเหมือนของเก่าในภาคเดอะ ฟอร์ซ อเวคเคนส์

สรุป
การกลับมาของอับรามส์ในภาคนี้ได้ขยี้และตอบโจทย์จักรวาลสตาร์ วอร์สได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึงงานสร้างที่เข้าไปดูงานผลิตก็ถือว่าคุ้มค่าราคาบัตรเข้าชมมากแล้ว แต่อาจแอบเซ็งๆบ้างกับประเด็นหลักของเรื่องที่กลายเป็นข้อเสียใหญ่และน่าเบื่อ ถ้าใครไม่เคยติดตามแฟรนไชส์นี้มาเลยมั่นใจว่าทุกคนจะรักตัวละครเรย์และไคโล เรนแน่นอนครับ

คะแนน 8/10