ถ้านับเฉพาะตามทฤษฎีของความน่าจะเป็น (รวมถึงความเป็นภาพยนตร์) หนังจะใส่ความเป็นมิติพาราด็อกซ์ตลอดทั้งเรื่อง หมายความว่า จากปัจจุบัน (present) ย้อนไปตามการไหลของเวลาย้อนกลับเอ็นโทรปี้ไปที่อดีต (past) ถึงหนังจะใส่ประเด็นโน่นประเด็นนี้แต่แก่นเรื่องคือพวกพระเอกต้องยับยั้งไม่ให้เซเทอร์ไปเปลี่ยนแปลง อันนี้คือทฤษฎีวนลูปจากปัจจุบันย้อนอดีตซึ่งไม่เกี่ยวกับอนาคตที่เกิดขึ้นไปแล้ว ตรงนี้ไทม์ไลน์หลักหรือเส้นทางยังคงเป็นเส้นตรง (original causal chain) เช่นเดิม

แต่ช่วงท้ายเรื่องปมปลายเปิดหลายๆอย่างหลายๆทฤษฎีทำให้เราคิดได้ว่า ทั้งพระเอก, นีล หรือ แคท ได้ทำการเปลี่ยนเส้นไทม์ไลน์เป็นจากลูปที่เคยมี กลายเป็นเส้นไทม์ไลน์ใหม่ ( new causal chain) ไปยังอนาคตข้างหน้าของไทม์ไลน์ใหม่ (new present)
การดูหนังเรื่องนี้เกิน 1 รอบไม่ช่วยทำให้เข้าใจมากขึ้น หนังเหมือนจะจบตรงจุดเริ่มต้นใช่มั้ย แต่เปล่าตอนจบยิ่งมโนได้อีกหลายแบบหากจะไม่ให้เชื่อมกับโรงละครโอเปร่าตอนเปิดเรื่อง หรือจะเชื่อมก็ได้ถ้าคิดแบบทฤษฎีวนลูป

***นีล*** ส่วนกรณีของนีลมันเป็นเรื่องย้อนแย้งของการย้อนเอ็นโทรปี้ ในประเด็นนี้ผมตั้งสมมติฐานว่า นีลที่นอนตายฉากบุกของพระเอก เป็นนีลที่มาจากอนาคตข้างหน้าอีกก่อนที่นีลปัจจุบันกับพระเอกจะย้อนกลับมา เท่ากับท้ายเรื่องจะมีนีลทั้งปัจจุบันและอนาคตที่เราไม่รู้กลับมา 2 คน
และนีลที่อยู่กับพระเอกที่ใส่ปลอกแขนสีฟ้าเป็นทีมย้อนเวลา ช่วงท้ายเรื่องได้เปลี่ยนกลับไปเอ็นโทรปี้เวลาปกติตอนฉากที่เขาไปในฐานนักวิทยาศาสตร์ของเซเทอร์ครับ

ถ้าจะดูให้เป็นความบันเทิงและมีทฤษฎีรองรับควรใช้ทฤษฎีไทม์ไลน์เดียวที่วนลูป แต่ผมรู้เด็กวิทย์ในจีคอนเยอะ