เทียบผิดนิดหน่อยนะครับ ปรับความเข้าใจกันก่อน
เวลาพูดถึง M.2 จะหมายถึงรูปร่างของ SSD ที่เป็นแผ่นเล็กๆ คล้ายๆ Ram ซึ่งมันสามารถต่อกับ Slot พิเศษของมัน
ซึ่งสามารถรับส่งข้อมูลตาม Protocol PCI-express 3.0, SATA 3.0 และ USB 3.0 bus ได้

หมายความว่ามันมี M.2 ตัวที่ส่งข้อมูลเร็วแค่ระดับ SATA เหมือนกัน
(มองอีกมุมคือ SATA SSD มีทั้งแบบเป็นแผ่น M.2 และแบบเป็นตลับเสียบสาย SATA ทั่วๆไป)

ส่วน SSD ที่ส่งข้อมูลเร็วว่า SATA เราจะเรียกว่า NVme (ใช้ Protocol PCI-express ในการส่งข้อมูล) ซึ่งมันจะมีหน้าตาแบบ M.2 (มองอีกมุมคือ SSD ที่หน้าตาเป็น M.2 จะมีทั้งแบบความเร็วระดับ SATA และ NVme)

ดังนั้น ต้องทำความเข้าใจให้ดีว่าจะพูดถึงอะไร ถ้าถามว่า SSD กับ M.2 จะเอาอะไรดี หมายความว่าเรากำลังพูดถึงหน้าตาของ SSD อยากได้แบบตลับ หรือแบบแผ่นใส่ M.2 socket ซึ่งสองแบบอาจจะมีความเร็วเท่ากันก็ได้ ถ้าเลือกแบบ SATA มา


ถ้าพูดถึงเรื่องความเร็วต้องเทียบ SATA vs NVme ซึ่งความเร็วต่างกันเยอะมาก
SATA 3 ความเร็วในการอ่าน 600 MB/s
NVme ความเร็วในการอ่าน 2,000 MB/s
แต่ในการเล่นเกม เราไม่ได้ใช้ประสิทธิภาพมันจนถึงจุดนั้น ยังไม่มีเกมไหนเรียกใช้ข้อมูล 1 ก้อนที่ขนาดมากกว่า 600 MB ในครั้งเดียว เลยดูไม่แตกต่าง (แต่ในอนาคตก็ไม่แน่)

ลองเลือกดูใหม่นะครับว่าอยาได้แบบไหนแน่

ส่วนเรื่องขนาด ผมว่า 1 TB ไม่พอใช้ เกมสมัยนี้ ราวๆ 80-90 GB แล้ว หรือโหดๆ อย่าง CoD WarZone ก็ซัดไป 200 GB
ถ้าใช้ 1 TB จะเก็บได้อย่างมากก็ 7-8 เกม รวมหักพื้นที่สำหรับ OS และ Software อื่นๆ ไฟล์งาน และโฟล์เดอร์การบ้านลับ
ถึงจะเล่นทีละเกม แต่ผมว่าเรามีหลายๆ เกมที่ไม่ใช่เกมประเภทเสพเนื้อเรื่องที่เล่นจบแล้วจบกัน แต่เป็นเกมต้องเก็บไว้ในเครื่องเผื่อเปิดมาเล่นเมื่อมีโอกาส อย่างพวกเกมกีฬา เกมดนตรี เกม FPS multiplayer หรืออื่นๆ

ดังนั้นลองดูนิสัยการเล่นการเก็บเกมของเราด้วยนะครับ