สอบถาม cf ชัวร์ๆ อีกทีครับ (พึ่งนึกได้)

แบบนี้เท่ากับว่าหลักการของการบริหารแบตมือถือ
ที่พอเหลือ 30-40% ค่อยชาร์จเพื่อถนอมแบต ก็คือ
ไม่สามารถนำมาใช้กับแบตของรถ EV ใช่ไหมครับ?

ของ EV พอเหลือ 60-70% ควรชาร์จ ช่วยถนอม
แบตดีกว่า เนื่องจากว่าเป็นแบตคนละประเภทกัน

สูตรแบตมันเยอะ และ มันมีระบบระบายความร้อนเวลาชาร์จ แบบควิกชาร์จด้วยครับ เพราะฉะนั้นน่าจะอ่านตารางแนะนำหรือการทดลองที่ละเอียด เป็นรายตัวน่าจะเหมาะสมที่สุดครับ

แถมวิธีใช้รถแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน อย่างคนที่เหยียบแค่ 90กม. ตลอดกับพวกที่ 120+ มันก็ไม่เหมือนกันอีก

สำหรับรถไฟฟ้า 20% คือ อันตรายต่อแบตครับ

ปรกติ แบตรถไฟฟ้ามันมี bms ในการชาร์จ

รวมทั้งเทคนิค balance battery ด้วย AC

อีกอย่างคือ เอาจริงๆ ขับรถแบต มันก้อไม่ได้ว่าต้อง รอจนหมดแล้วเติมเต็ม 100

มีโอกาสเติมได้ก็เติม เติมไป 80 ก้อพอ แต่แรกๆชอบมีคนลองของ วิ่งจนต่ำ 10 เพื่อหาว่า วิ่งได้ไกลสุดเท่าไหร่

แต่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นกันครับ ใช้แบตที่ 20-80 ก้อช่วยได้เยอะแล้ว

แบ็ตลิเธียมไม่ว่าจะอยู่ในมือถือหรือ ev มันจะพังเร็วถ้า:

1 ใช้จนหมดสนิทจริงๆ อันนี้ร้ายแรงมาก มันทำให้แบ็ตเสียหายถาวรได้เลย

ปกติที่เราเห็น 0% นั่นจริงๆ เป็น 0% ที่ระบบควบคุมกมันสั่งให้หยุด จริงๆ แบ็ตยังเหลืออยู่บ้าง ถ้าย้อนเวลาไปสมันแรกๆ ที่มีแบ็ตลิเธียม ถ้ายังจำกันได้มันจะมีเคสแบ็ตหมดชาร์จไม่เข้าเลย ต้องไปกระตุ้นแบ็ตด้วยเครื่องชาร์จที่มีระบบกระตุ้น แต่ถึงกลับมาได้ก็เกิดความเสียหายไปแล้ว แบ็ตรุ่นใหม่มี BMS คอยควบคุมไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ แต่ถ้าจะถนอมแบ็ต ลดลงถึง 20% ก็ควรชาร์จแล้ว

2. ชาร์จจนเต็ม และปล่อยให้ม้นอยู่ในระดับเต็มนานๆ ทำบบนี้ก็พัง แบ็ตบวมก็เกิดจากเรื่องนี้

การถนอมแบ็ตที่ดีคือใช้อยู่ในช่วง 20% -80% มันจะเสื่อมช้ากว่าใช้แบบเต็ม cycle เยอะเลย