ข้อมูลเรื่องจำนวนร้าน และส่วนแบ่งที่คุยกันอยู่ตอนนี้เป็นข้อมูลเมื่อปี 2562 ซึ่งไม่มีตัวเลขว่าส่วนแบ่งการตลาดนั้นแบ่งมาจากตัวเลขที่เท่าไหร



[Link]

ทีนี้ถ้าอ่านข้อมูลตามนี้เลยส่วนแบ่งจะเป็นร้านโชห่วย 44.1% และร้านสะดวกซื้อ+ไฮเปอร์มาร์เก็ต 55.9%

สมมติฐานที่ชาร์ตนั้นเอามาใช้คือ 30:70

ถ้าอ่านข้อมูลตามนี้เลยก็ ไม่ ได้ ต่าง อะ ไร กัน มาก ขนาดนั้น

แต่เราต้องไปดูคำจำกัดความให้ดี เนื่องจากไฮเปอร์มาร์เก็ต ไม่เข้าข่ายร้านที่เข้าร่วมโครงการ (เท่าที่ผมอ่าน) ดังนั้นส่วนแบ่งจะเปลี่ยนเป็น ร้านโชห่วย 58.1% และร้านสะดวกซื้อ 41.89%

จะเห็นว่าเริ่มต่างล่ะ แต่จากข้อมูลที่ผมหาเจอล่าสุดจากการให้สัมภาษณ์ของรองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาแจ้งว่าร้านโชห่วยกว่า 400,000 ร้าน นั้นในปี 2566 สามารถสร้างรายได้ให้แก่ระบบเศรษฐกิจ กว่า 370,000 ล้านบาท

[Link]

แต่จากตัวเลขที่ CP-All เปิดมา รายได้ปี 2566 จาก 7-11 ที่มีอยู่หมื่นสี่พันกว่าสาขาอย่างเดียวเกือบ 400,000 ล้านบาทแล้ว ทีนี้ตัวเลขนี้เข้าใจว่ารวมรายได้ค่าบริการ ค่าจัดการไปด้วย ไม่น่าจะใช่รายได้จากการขายของอย่างเดียว งั้นลองค้นกันต่อไป

[Link]

มันมีตัวเลขอีกตัวนึงที่หามาได้คือส่วนแบ่งการตลาดของร้านสะดวกซื้อ (ไม่รวมโชห่วย) น่าจะเป็นของปี 2565 ก็ระบุอยู่ที่ประมาณ 400,000 ล้านบาทเหมือนกัน

[Link]

ดังนั้นถ้าจะให้ระบุส่วนแบ่งการตลาดจากที่ผมเห็น และอ่านข่าวอื่นๆ ผ่านตาตอนนี้ผมให้โชห่วย:ร้านสะดวกซื้อที่ 45:55 แต่ใจเอียงไปทางคิดว่าร้านสะดวกซื้อน่าจะมีส่วนแบ่งมากกว่าอยู่ซัก +5% เป็น 40:60 ล่ะกันครับ

และก็อีกเรื่องนึงที่สำคัญที่ต้องเอามาคิดด้วยคือร้านโชห่วย จากทั้งหมด 400,000 ร้านนั้นมีกี่ร้านที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการได้ด้วย เพราะต้องจด VAT หรือต้องเป็นผู้ที่เสียภาษีอยู่ด้วยนะเออ

* เข้าร่วมโครงการได้หมดแม้ไม่จด หรือไม่เสีย แต่เบิกเงินสดไม่ได้ ต้องนำไปใช้กับห้างร้านที่จด หรือเสีย เพื่อปิดลูปตัวเองครับ

[Link]

สุดท้ายๆ จริงๆ ล่ะ พอยท์สำคัญอยู่ในข่าวแรก นายทุนจะเข้าร่วม หรือไม่เข้าร่วม สุดท้ายเงินไปกองอยู่ที่ไหน คำตอบอยู่ในข่าวนั้นแล้วครับ